" พี่ห่อ !!!...พี่มีเรื่องรบกวนทำตัวอย่างสินค้าใหม่ให้ด่วนหน่อย...ลูกค้าเค้าเพิ่งโทรมา...เอาพรุ่งนี้เช้าเลยนะ...พี่ก็ไม่อยากรบกวนหรอก...แต่มันด่วนจริงๆ...งานจะประกอบพรุ่งนี้แล้ว ขอบใจมากนะ..." เสียงจากปลายสายบ่งบอกถึงความเร่งรีบ..และด่วนสุดๆ...และที่สุดกว่านั้น...โทรมาตอนห้าโมงเย็น...อะไรจะดีไปกว่านี้...
ด้วยความที่ต้องการช่วยลูกค้า ฝ่ายขายก็ยกหูหาผู้จัดการโรงงานเลยครับ ..."พี่ครับ ตัวนี้มันด่วนจริงๆ...ต้องรบกวนพี่เปิดโอทีทำตัวนี้ด้วยนะครับ...นี่ลูกค้าเพิ่งโทรมา..ผมก็รีบโทรหาพี่ก่อนเลย..กลัวไม่ทัน..." และหลากหลายเหตุผลที่ยกขึ้นมาเพื่อให้ได้งาน...ที่ด่วนเหลือเกิน...
"ไม่ได้!!!...นี่มันกี่โมงแล้ว...มาแจ้งเอาตอนนี้ใครจะทำให้ทัน....!@#$%*)+_"...เสียงตวาดกลับมาพร้อมคำพูดที่ไม่สามารถออกอากาศได้...
ยัง...ผมยังไม่ยอมแพ้...ก็โทรคุยกับลูกค้า..ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่ามีอยู่คำตอบเดียว..บวกกับเกลี้ยกล่อมทางโรงงาน...ว่าลูกค้าต้องการจริงๆ...ก็เค้ายืนยันมาแบบนี้....
"นี่คุณเป็น Messager หรือไง...คุณไม่คิดอะไรเลย...คุณฟังลูกค้า..แล้วก็เอามาบอกต่อทางผม...โดยที่คุณไม่ได้ต่อรองหรือมีทางออกทางอื่นเลยหรือไง...แล้วลูกค้าไม่มีการวางแผนงานเลยรึ?!"
บทสนทนาเงียบลงฉับพลัน...ระยะทางห่างกันกว่าสองร้อยกิโลเมตร แต่เหมือนผมโดนตบหน้าเข้าอย่างจังในระยะหนึ่งศอก...
เออว่ะ?...นี่เรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย...ฟังแต่ลูกค้า...ไม่ได้คิดอะไรเลย...แถมยังจะพยายามให้โรงงานเค้าผลิตของ...โดยที่ไม่สนใจอะไรเลยอีกต่างหาก....บ้าหรือเปล่าเนี่ย?
ห้าโมงเย็น!...คนงานอยากกลับบ้าน!....ไม่ได้แจ้งเปิดโอทีล่วงหน้า!...ค่าไฟ..ค่าน้ำ...ค่าโอที...ถึงทำได้ แล้วใครจะส่งของ เค้าต้องเตรียมตัวกันกี่โมง?...ตีสี่หรือตีห้า?...ใครจะแหกขี้หูขี้ตาตื่นมาทำให้?...และอีกหลายๆ คำถามที่ผ่านเข้ามาในหัว...ที่ผมไม่เคยคิดถึงมาก่อน....
หลังจากนั้น..ผมก็บอกกับตัวเองว่า...จะไม่ทำตัวเป็น Messager อีกเด็ดขาด...และขอบคุณผู้จัดการโรงงาน...ที่สอนกันแบบไม่มีกั๊กเลย...!!
สวดยอด สั้นๆ แต่ตรงใจที่สุด
ตอบลบอย่าเจอเองเลยครับพี่ กรณีแบบนี้ ศึกษาจากคนอื่นก็ดีกว่ามันเจ็บจี๊ดเชียวล่ะ ณ วินาทีนั้น
ลบ